15 ทางออก เมื่อผ่อนบ้านไม่ไหว อย่าปล่อยให้ธนาคารยึด

เตรียมตัวก่อนซื้อบ้าน

หนี้บ้านเป็นภาระทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของหลายครอบครัว และใช้เวลาผ่อนชำระยาวนานที่สุด ตั้งแต่ 2-3 ปี ไปจนถึง 30 ปี ซึ่งในระหว่างการผ่อน อาจเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือรายได้ที่ลดลง ทำให้ผ่อนบ้านไม่ไหว อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้มีทางออกเสมอ บทความนี้จะแนะนำแนวทางที่สามารถช่วยคุณรับมือกับปัญหาได้

สาเหตุหลักที่ทำให้ผ่อนบ้านไม่ไหว

สาเหตุหลักที่ทำให้ผ่อนบ้านไม่ไหว

ก่อนหาทางออกจากวิกฤติการเงินที่เกิดจากการผ่อนบ้านไม่ไหว สิ่งแรกที่ต้องทำคือเข้าใจสาเหตุของปัญหา สาเหตุหลักที่ทำให้หลายครอบครัวต้องเผชิญสถานการณ์นี้ ได้แก่:

  1. รายได้ลดลงหรือขาดรายได้ เช่น ถูกเลิกจ้าง รายได้จากธุรกิจลดลง หรือมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่กระทบต่อการเงิน
    • แนวทางป้องกัน: ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 6 เดือนของค่าใช้จ่ายรายเดือน เพื่อช่วยรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริมอยู่เสมอ
  2. ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เช่น มีหนี้สินอื่น ๆ ที่ต้องชำระ ทำให้เงินหมุนเวียนไม่เพียงพอสำหรับการผ่อนบ้าน
    • แนวทางป้องกัน: ควรวางแผนทางการเงินให้ชัดเจน ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และพยายามลดหนี้สินอื่น ๆ ก่อนที่จะรับภาระผ่อนบ้าน
  3. อัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น หากกู้สินเชื่อบ้านแบบดอกเบี้ยลอยตัว อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ค่างวดสูงขึ้นจนรับภาระไม่ไหว
    • แนวทางป้องกัน: หากเลือกสินเชื่อดอกเบี้ยลอยตัว ควรมีแผนสำรองเพื่อรับมือกับดอกเบี้ยที่อาจเพิ่มขึ้น หรือพิจารณารีไฟแนนซ์เมื่อมีโอกาส
  4. เหตุฉุกเฉินทางการเงิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่
    • แนวทางป้องกัน: ทำประกันสุขภาพและออมเงินเผื่อกรณีฉุกเฉิน เพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินที่อาจกระทบกับการผ่อนบ้าน

ผลกระทบจากการถูกยึดทรัพย์

การปล่อยให้ธนาคารยึดบ้านไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงในระยะยาว ทั้งด้านการเงินและคุณภาพชีวิต ผู้กู้ควรทำความเข้าใจถึงผลกระทบเหล่านี้อย่างถ่องแท้:

ประการแรก การถูกยึดทรัพย์จะส่งผลต่อประวัติเครดิตทางการเงินของผู้กู้อย่างรุนแรง ธนาคารจะบันทึกประวัติการถูกยึดทรัพย์ไว้ในฐานข้อมูลเครดิตบูโร ซึ่งจะส่งผลให้การขอสินเชื่อในอนาคตเป็นไปได้ยากมาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย แม้จะเปลี่ยนไปยื่นขอกับสถาบันการเงินอื่น เนื่องจากทุกธนาคารสามารถตรวจสอบประวัติการถูกยึดทรัพย์นี้ได้

ประการที่สอง ผู้กู้อาจต้องรับภาระทางการเงินเพิ่มเติมจากส่วนต่างของราคาขายทอดตลาด เมื่อธนาคารนำบ้านไปขายทอดตลาด หากขายได้ราคาต่ำกว่ายอดหนี้คงเหลือ ผู้กู้ยังคงมีหน้าที่ต้องชำระส่วนต่างให้กับธนาคาร ตัวอย่างเช่น หากมียอดหนี้คงเหลือ 3 ล้านบาท แต่ขายทอดตลาดได้เพียง 2.7 ล้านบาท ผู้กู้จะต้องรับผิดชอบส่วนต่างอีก 3 แสนบาท

ประการที่สาม ผู้กู้จะสูญเสียเงินที่ได้ผ่อนชำระไปแล้วทั้งหมด รวมถึงเงินดาวน์ที่จ่ายไปตั้งแต่เริ่มต้น การสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลที่สะสมมาเป็นระยะเวลานานนี้ถือเป็นความเสียหายทางการเงินที่รุนแรง และอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวในระยะยาว

15 ทางออก เมื่อผ่อนบ้านไม่ไหว

15 ทางออก เมื่อผ่อนบ้านไม่ไหว

1. ขอเจรจากับธนาคารเพื่อลดดอกเบี้ย

หากสามารถขอลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมได้ จะช่วยให้ค่างวดรายเดือนลดลงและลดภาระดอกเบี้ยระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่ดอกเบี้ยเดิมสูงมาก ควรติดต่อธนาคารเพื่อขอปรับเงื่อนไขสัญญาให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของคุณ

2. ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ

การขอขยายระยะเวลาผ่อนชำระจาก 20 ปี เป็น 30 ปี จะช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง ทำให้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น แต่ต้องพิจารณาว่าดอกเบี้ยรวมอาจเพิ่มขึ้นในระยะยาว ดังนั้นควรคำนวณความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจ

3. ขอพักชำระหนี้ชั่วคราว

หากประสบปัญหาทางการเงินรุนแรง เช่น ตกงานหรือมีเหตุฉุกเฉิน สามารถขอพักชำระหนี้ได้ 3-6 เดือน หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับธนาคาร ซึ่งจะช่วยให้มีเวลาปรับตัวและหาทางแก้ปัญหาการเงิน แต่ต้องเข้าใจว่าดอกเบี้ยยังคงเดินอยู่และจะถูกนำไปรวมกับเงินต้น

4. ขอชำระค่าบ้านต่ำกว่างวดปกติ

หากมีปัญหาการเงินชั่วคราว อาจขอธนาคารชำระเงินงวดที่ลดลงชั่วคราวได้ เช่น จาก 10,000 บาท เหลือ 5,000 บาท โดยเงื่อนไขนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร ควรสอบถามล่วงหน้าเพื่อให้สามารถวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม

5. ขอผ่อนผันหนี้ที่ค้างชำระ

ในกรณีที่มีหนี้ค้างชำระหลายเดือน อาจขอให้ธนาคารปรับโครงสร้างหนี้โดยให้แบ่งจ่ายยอดที่ค้างชำระออกเป็นงวดเล็ก ๆ เพื่อให้สามารถทยอยชำระได้โดยไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

6. รีไฟแนนซ์บ้าน

การรีไฟแนนซ์เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดภาระดอกเบี้ย และอาจทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง ควรเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายธนาคารเพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุด และคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมและค่าจดจำนองใหม่

7. ปล่อยเช่าบ้านบางส่วนหรือทั้งหมด

หากบ้านมีพื้นที่เหลือ อาจพิจารณาปล่อยเช่าห้องบางส่วนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าผ่อน หรือหากเป็นไปได้ อาจย้ายไปอยู่ที่อื่นและปล่อยเช่าทั้งหลัง เพื่อนำค่าเช่ามาช่วยจ่ายค่างวดบ้าน

8. หาผู้เช่าซื้อบ้าน (ขายฝากหรือขายแบบผ่อนต่อ)

หากไม่สามารถผ่อนต่อไหว อาจพิจารณาหาผู้ที่สนใจเช่าซื้อบ้านหรือรับช่วงต่อการผ่อนชำระ วิธีนี้ช่วยให้คุณลดภาระและอาจได้เงินก้อนมาใช้จ่าย

9. ขายบ้านและซื้อหลังที่ถูกลง

หากภาระหนักเกินไป การขายบ้านหลังปัจจุบันและหาซื้อบ้านที่มีราคาถูกลงหรือเช่าบ้านแทน อาจเป็นทางออกที่ช่วยให้การเงินคล่องตัวขึ้น

10. ขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์แบบมีเงินเหลือ (Cash-out Refinance)

บางธนาคารมีบริการรีไฟแนนซ์พร้อมวงเงินกู้เพิ่ม ซึ่งอาจช่วยให้มีเงินสดมาใช้จ่ายชั่วคราว แต่ต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ในระยะยาว

11. ปรับลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ลองปรับงบประมาณรายเดือน ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหารนอกบ้าน หรือบริการสมัครสมาชิก เพื่อให้มีเงินเหลือสำหรับค่าผ่อนบ้าน

12. หางานเสริมเพิ่มรายได้

หากภาระหนี้สูงเกินไป ลองหางานเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น ขายของออนไลน์ รับจ้างฟรีแลนซ์ หรือหางานพาร์ทไทม์ที่สามารถทำควบคู่กับงานประจำได้

13. ยื่นกู้ร่วมกับคนในครอบครัว

หากยังพอมีเครดิตดี อาจลองหาผู้กู้ร่วม เช่น คู่สมรสหรือญาติ เพื่อเพิ่มความสามารถในการขอสินเชื่อหรือปรับโครงสร้างหนี้

14. ขอคำปรึกษาทางการเงินจากผู้เชี่ยวชาญ

ธนาคารหรือสถาบันการเงินบางแห่งมีที่ปรึกษาทางการเงินที่ช่วยวางแผนจัดการหนี้ ลองติดต่อเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม

15. หาข้อมูลมาตรการช่วยเหลือจากรัฐ

ภาครัฐมักมีโครงการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางการเงิน เช่น มาตรการพักชำระหนี้ หรือโครงการช่วยเหลือผู้กู้บ้าน ควรติดตามข่าวสารและยื่นขอความช่วยเหลือตามเงื่อนไขที่กำหนด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายบริการลูกค้าวิสต้าวิลล์

บทความใหม่ล่าสุด